ภายในระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา แต่ละประเทศมุ่งพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของมนุษย์ให้ดีมากขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง รวมถึงการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาความยากจนของคนภายในประเทศให้สามารถมีรายได้เพียงพอที่จะเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้อย่างไม่ยากลำบาก ประเทศที่สามารถพัฒนาได้อย่างรวดเร็วอย่าง สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประเทศที่สามารถแก้ไขปัญหาลดความยากจนของประชาชนภายในประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมกับเพิ่มศักยภาพในด้านต่างๆ จนสามารถก้าวเข้ามาเป็นประเทศมหาอำนาจในศตวรรษที่ 21 ได้
“ควรแสดงความยินดีกับทั้ง 3 ประเทศ คือ ประเทศไทย สาธารณรัฐประชาชนจีน ราชอาณาจักรกัมพูชา เพราะสามารถก้าวมาได้ไกลกว่าที่คาดไว้เยอะ”
ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ประธานสถาบันคลังปัญญาด้านยุทธศาสตร์ชาติ และอธิการวิทยาลัยรัฐ กิจ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวและบอกว่า เคยเดินทางไปทั้งจีน กัมพูชา หลายรอบมาก ทำให้ได้มี โอกาสเห็นการเจริญเติบโตหรือการพัฒนาในด้านต่างๆ ของทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งยิ่งทำให้ เห็นว่าทั้งสองประเทศมีการเจริญเติบโตที่รวดเร็วมากเกินกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ความสำเร็จของทั้ง สองประเทศเป็นความสำเร็จร่วมกันของชาวเอเชีย มีผลหนุนเนื่องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน “ผมได้ ศึกษาค้นคว้าการพัฒนาของโลกมาร่วม 30 ปีแล้ว แบ่งเป็นประเทศโลกที่ 1, 2, 3 ตามลำดับ เมื่อถึง คราวที่ประเทศใดประกาศเอกราชไม่ยินยอมอยู่ภายใต้อำนาจประเทศแม่อีกต่อไป ก็มักจะมีเสียง ตามมาว่าประเทศที่ 3 ไม่มีทางไปรอดหากขาดประเทศแม่ไป หรือประเทศที่กำลังพัฒนาจะไม่มีวัน พัฒนาได้ ผู้คนที่อยู่ใต้อิทธิพลแถบตะวันตกมักจะมองเช่นนั้น คนไทยเองก็มองอย่างนั้นเหมือนกัน ไม่ คิดว่าประเทศของตนจะก้าวไปได้ไกลขนาดนี้ เพราะต้องยอมรับว่าประเทศไทยก็เป็นประเทศที่ ยากจนในระดับหนึ่ง”ซึ่งแต่ก่อนนั้นจีนไม่ได้เป็นประเทศที่เศรษฐกิจเติบโตหรือเป็นประเทศมหาอำนาจอย่างในทุกวันนี้ ด้วยกลยุทธิ์ของผู้นำของประเทศจีนนั้น ทำให้เศรษฐกิจของประเทศจีนนกลับมาเจริญรุ่งเรือง เป็นประเทศร่ำรวยและเป็นประเทศมหาอำนาจได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่ปีและการ Shipping นำเข้าสินค้าจากจีน ก็สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศมากมายมหาศาล ซึ่ง Shipping นำเข้าสินค้าจากจีนนั้นเป็นการส่งออกสินค้าของจีนไปให้กับหลายประเทศ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย